ประวัติพระใส หรือ หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย
หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย "หลวงพ่อเกวียนหัก" จ.หนองคาย เป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมือง พุทธศิลป์แบบล้านช้าง ประดิษฐานอยู่ที่วัดโพธิ์ชัย ซึ่งมีฐานะเป็นวัดอารามหลวง
“วัดโพธิ์ชัย” (พระอารามหลวง) เดิมชื่อ “วัดผีผิว” เนื่องจากวัดนี้เคยใช้เป็นที่เผาผีหรือเผาศพ และว่ากันว่ามีผีดุ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวัดโพธิ์ชัยในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์แล้วยกฐานะขึ้นเป็น พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม พุทธศักราช 2524 ปัจจุบันเป็นสถานที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อพระใส” พระพุทธรูปขัดสมาธิราบปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสุกอันเป็นเนื้อทองคำ 92 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีพระพุทธลักษณะอันงดงาม มีตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาถึงประวัติของหลวงพ่อพระใสว่าสร้างขึ้นโดยพระ ธิดา 3 องค์ ของพระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์แห่งล้านช้างซึ่งได้หล่อพระพุทธรูปขึ้น 3 องค์ และขนานนามพระพุทธรูปตามนามของตนเองไว้ด้วยว่า “พระสุก” ประจำพระธิดาคนโต “พระเสริม” ประจำพระธิดาคนกลาง และ “พระใส” ประจำพระธิดาคนสุดท้อง ซึ่งมีขนาดลดหลั่นกันตามลำดับ
การประดิษฐานพระใส
เดิมทีนั้นหลวงพ่อพระใสได้ประดิษฐาน ณ เมืองเวียงจันทน์ พ.ศ.2321 สมัยกรุงธนบุรีได้อัญเชิญไปไว้ที่เมืองเวียงคำ และ"พระใส"ถูกเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดโพนชัย เมืองเวียงจันทน์อีก ต่อมาในรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ เมืองเวียงจันทน์เป็นกบฎ สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ เป็นจอมทัพยกพลมาปราบ จึงได้อัญเชิญพระสุก พระเสริม และพระใส ลงมาด้วย โดยอัญเชิญมาจากภูเขาควายขึ้นประดิษฐานบนแพไม้ไผ่ ซึ่งผูกติดกันอย่างมั่นคงล่องมาตามลำน้ำงึม เมื่อล่องมาถึงตรงบ้านเวินแท่นในขณะนั้น เกิดอัศจรรย์แท่นของพระสุกได้เกิดแหกแพจมลงไปในน้ำ โดยเหตุที่มีพายุพัดแรงจัด และบริเวณนั้นได้นามว่า "เวินแท่น"
การล่องแพก็ยังล่องมาตามลำดับจนถึงน้ำโขง (ปากน้ำงึม) เฉียงกับบ้านหนองกุ้ง อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ได้เกิดพายุใหญ่ เสียงฟ้าคำรามคะนองร้องลั่น ในที่สุดพระสุกได้แหกแพจมลงไปในน้ำ ซึ่งอาการวิปริตต่างๆ ก็ได้หายไปเป็นอัศจรรย์ยิ่ง บริเวณนั้นจึงได้ชื่อว่า "เวินสุก" และพระสุกก็จมอยู่ในน้ำตรงนั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้
ก็ยังเหลือแต่พระเสริม พระใส ที่ได้นำขึ้นมาถึงเมืองหนองคาย พระเสริมนั้นได้ถูกอัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดโพธิ์ชัย ส่วนพระใส ได้อัญเชิญประดิษฐานไว้ ณ วัดหอก่อง (ปัจจุบันคือวัดประดิษฐ์ธรรมคุณ)
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุนวรธานีและเจ้าเหม็น (ข้าหลวง) อัญเชิญพระเสริม จากวัดโพธิ์ชัย หนองคายไปกรุงเทพฯ และอัญเชิญพระใสจากวัดหอก่องขึ้นประดิษฐานบนเกวียนจะอัญเชิญลงไปกรุงเทพฯ ด้วย แต่พอมาถึงวัดโพธื์ชัย หลวงพ่อพระใสได้แสดงปาฏิหาริย์จนเกวียนหักจึงอัญเชิญลงไปไม่ได้ ได้แต่พระเสริมลงกรุงเทพฯ ประดิษฐาน ณ วัดปทุมวนาราม ส่วน"หลวงพ่อพระใส"ได้อัญเชิญประดิษฐาน ณ วัดโพธิ์ชัย อ.เมืองหนองคาย จนถึงปัจจุบัน ความอัศจรรย์ของ"หลวงพ่อพระใส"จนได้สมญาว่า "หลวงพ่อเกวียนหัก"
(ใครสนใจมากราบไหว้บูชาเชิญมาเลยจ้า และหลวงพ่อท่านเป็น 1 ใน 9 พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แห่งเมืองไทยด้วย)
ຍ້ອນໄປໃນສມັຍຂອງ ພຣະເຈົ້າໄຊເສດຖາທິຣາຊ ຊ້ວງປີ ພ.ສ 2093 -2115 (ຄ.ສ 1553 – 1575)ແຫ່ງອານາຈັກລ້ານຊ້າງ ສີສັຕນາດຫຸຕ ຊົງມີພຣະຣາຊທິດາ 3ພຣະອົງພຣະຣາຊທິດາ ພຣະອົງຄ໌ເອຶ້ອຍກົກ ຊົງພຣະນາມວ່າ “ພຣະທິດາສຸກ”, ພຣະຣາຊທິດາພຣະອົງກາງ ຊົງພຣະນາມວ່າ “ພຣະທິດາເສີມ” ແລະພຣະຣາຊທິດາຜູ້ອົງສຸດທ້າຍ ພຣະອົງພຣະນາມວ່າ “ພຣະທິດາໃສ”. ກ່າວຂານກັນວ່າ ໃນປີ ພ.ສ 2109 (ຄ.ສ1569) ພຣະທິດາທັງ 3 ພຣະອົງໄດ້ຊົງຮ່ວມກັນສ້າງພຣະພຸທຮູບປະຈໍາພຣະອົງຄ໌ຂື້ນ 3 ອົງຄ໌ເພຶ່ອສຶບທອດພຣະພຸດທະສາສນາ ແລະເພຶ່ອຄວາມເປັນສີຣິມົງຄົນໂດຍມີຂະນາດ ຄວາມໃຫ່ຍ ນ້ອຍຫລຸດລັ່ນກຫນຕາມລຳດັບ
ໃນພິທິຫານຫລໍ່ພຣະພຸທຣູບທັງ 3 ອົງຄ໌ນັ້ນ ພຣະພິຂຸ ແລະຄາຣະວາດຊ່ວຍກັນທໍາການສູບເຕົ້າຫລອມ ທອງຕະຫລອດເຖິງ 7 ວັນ ແລະ 7ຄືນແຕ່ທອງຍັງບໍ່ທັນເປຶ່ອຍ ຫລຶ ລະລາຍ ພໍເຖິງວັນທີ 8 ມີພຽງພຣະພິຂຸ
ສົງເຖົ້າອົງຫນຶ່ງ ກັບສາມະເນນສູບເຕົ້າໄຟຢູ່ ກໍປະກົດມີແມ່ “ຊີ” ຜູ່ຫນຶ່ງ ຫນຸ່ງຂາວອອກມາອາສາສູບ ເຕົາໄຟແທນ ອີກບໍ່ນານພຣະແລະເນນໃນວັນນັ້ນຕ່າງກໍປະກົດເຫັນມີແມ່ຂາວຊີ ຊ່ວຍກັນສູບເຕົາເປັນຈໍານວນຫລາຍ ທັງໆແມ່ຂາວຊີພຽງຄົນດຽວ. ເມຶ່ອເຖິງຜຽນປ່ຽນຂອງພຣະຜິຂຸສົງ ແລະເນນເຂົ້າໄປສູບເຕົາ ແທນຕໍ່ປະກົດເຫັນວ່າ ໄດ້ມີຜູ່ເທທອງລົງໄປໃນບັກຫລໍ່ (ຫລອມ) ຈົນເຕັມທັງ 3 ບັ້ງຫລອມ ທັງໆທີ່ບໍ່ເຫັນໄຜເທອງຄໍາລົງເທຶ່ອ. ເມຶ່ອຫລຽວອ້ອມຂ້າງ ວ່າຈະຖາມແມ່ຊີຂາວວ່າໃຜເທທ້ອງລົງບັ້ງຫລອມ ປະກົດວ່າບໍ່ເຫັນແມ່ຂາວຊີພຽງຄົນຢູ່ບໍຣິເວນຫລອມເລີຍ. ການຫລໍ່ພຣະພຸທຣູບທັງ3 ອົງຄ໌ ສໍາເຣັດລົງດ້ວຍດີຢ່າງຫ້ນາອັດສະຈັນ. ພຣະຣາຊທິດາສຸກ ພຣະຣາຊທິດາເສີມ ແລະພຣະຣາຊທິດາໃສ ໄດ້ຖວາຍພຣະນາມຂອງພຣະອົງເປັນນາມຂອງພຣະພຸທຣູບຄຶ ພຣະສຸກເປັນພຣະພຸທຣູບປະຈໍາ ພຣະຣາຊທິດາອົງ ເອຶ້ອຍ, ພຣະເສີມ ເປັນພຣະພຸທຣູບປະຈໍາ ພຣະຣາຊທິດາອົງກາງແລະະພຣະໃສ ເປັນພຣະພຸທຣູບປະຈໍາພຣະຣາຊທິອາອົງນ້ອງສຸດທ້ອງ
CR : http://www.thaprachan.com ชมรมพระเครื่องท่าพระจันทร์