พระแก้วเชียงแสนที่นำรูปภาพมาแสดงใน Web Blog นี้ เป็นพระแก้วของกลุ่มนักสะสมที่เก็บรักษาไว้ นับเป็นพระพุทธรูปโบราณที่หายาก และมีคุณค่าสูงยิ่ง ไม่เคยปรากฏในที่สาธารณะให้เห็นมาก่อน เป็นพระแก้วที่แกะสลักขึ้นจากหินใสและพลอยอ่อนสีต่างๆ หิน (พลอยอ่อน) ใสที่นำมาแกะพระแก้วนี้ สันนิษฐานว่านำมาจากแหล่งทางเหนือของประเทศไทย หรืออาจจะเลยขึ้นไปถึงแถบมณฑลยูนนานของจีน ในยุคสมัยที่เมืองเชียงแสนในถิ่นล้านนารุ่งเรือง มีการติดต่อค้าขายระหว่างแคว้นล้านนากับหัวเมืองทางใต้ของจีน โดยจะอาศัยการเดินเรือตามแม่น้ำโขง จึงได้รับอิทธิพลทางการค้า ศิลปวัฒนธรรม และเทคโนโลยี่จากจีนด้วย งานหล่อโลหะและงานแกะสลักหิน เป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี่ที่ได้รับการถ่ายทอดจากจีน โดยนำมาประยุกต์เข้ากับงานศิลปกรรมท้องถิ่น ก่อให้เกิดงานพุทธศิลป์อันงดงาม ทั้งการหล่อพระพุทธรูป และการแกะสลักพระพุทธรูปจากหิน
พุทธศิลป์ชิ้นเอก และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของประเทศไทย คือพระแก้วมรกต ซึ่งแสดงออกถึงความโดดเด่นทางศิลปะ วัฒนธรรมในยุคสมัยเชียงแสน โดยนำหินหยกเขียวมาแกะสลักเป็นองค์พระแก้วมรกต ในทำนองเดียวกัน ก็จะนำหินล้ำค่ามาแกะสลักเป็นพระพุทธรูปอื่นๆ โดยจะใช้หินสีใสขนาดก้อนใหญ่ (ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มพลอยเนื้ออ่อน เช่นสีขาวใส สีฟ้าใส สีน้ำเงินใส สีเหลืองใสเข้มและอ่อน สีชมพูใส สีเขียวใส สีเขียวน้ำแตงซึ่งขุ่นเล็กน้อย สีม่วงใส และสีแดงใส เป็นต้น) มาแกะสลักเป็นพระแก้ว
งานแกะสลักพระพุทธรูปจากหิน เป็นงานฝีมือท้องถิ่นของแคว้นล้านนา ไม่ปรากฏว่างานพุทธศิลป์เช่นนี้มีให้เห็นในสมัยอยุธยา ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์จนถึงสมัย ร.๕ จะปรากฏงานแกะสลักหินใสเป็นพระพุทธรูปอยู่บ้าง แต่องค์พระจะไม่ใหญ่นัก จะได้พระพุทธรูปหน้าตักประมาณไม่เกิน ๔ นิ้ว จึงอาจกล่าวได้ว่าวัตถุดิบ คือก้อนผลึกที่เป็นหินใสอยู่ใจกลางของหินที่มีขนาดใหญ่นั้น เป็นของหายาก โดยเฉพาะการแกะสลักพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ที่มีหน้าตักมากกว่า ๕ นิ้ว จะหาวัตถุดิบได้ยากยิ่ง จะมีพระแก้วขนาดเล็กให้เห็น และเป็นที่รู้จักกันทั่วไป คือพระแก้วหินจุยเจียกรุฮอด ซึ่งแกะสลักจากผลึกหินสีใสขนาดย่อมๆ จึงเป็นพระแก้วที่มีขนาดเล็ก มีสีต่าง ๆ หลากหลายให้เห็นเป็นจำนวนมาก
ความงดงามของพุทธศิลป์ของพระแก้วหินใส จะขึ้นอยู่กับช่างฝีมือที่แกะสลักองค์พระ จะพบว่าระดับความงดงามของพระแก้วมีให้เห็นแตกต่างกันมาก พระแก้วองค์ที่มีความงดงามสมบูรณ์ จะมีพุทธศิลป์ที่ละเอียดงามตา ใกล้เคียงกับพระพุทธรูปหล่อเชียงแสนเนื้อโลหะสัมฤทธิ์ (สำริด) แต่ก็มีพระแก้วส่วนหนึ่ง ที่สัดส่วนของพุทธลักษณะไม่ลงตัวนัก และฝีมือการแกะสลักยังไม่ละเอียดงดงามเท่าที่ควร
การตรวจหาข้อมูลเกี่ยวกับพระแก้วหินใสในประเทศไทย จะมีปรากฏอยู่เพียงไม่กี่องค์ ดังต่อไปนี้
พระพุทธบุษยรัตนจักรพรรดิพิมลมณีมัย พระประจำพระองค์ ร. ๒
พระเสตังคมณี วัดเชียงมั่น เชียงใหม่
พระแก้วดอนเต้า ลำปาง
พระแก้วประจำพระองค์ ร. ๔
พระแก้ว ร. ๙ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สร้างถวาย พ.ศ. ๒๕๓๙ ทรงครองราชย์ครบ ๕๐ ปี
พระแก้วสมัย ร. ๕
พระแก้วสมัย ร . ๕
พระแก้วเนื้อเขียวน้ำแตง พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
พระแก้วขาว และพระพุทธรูปทองคำ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
นอกจากรูปภาพของพระแก้วที่แสดงแล้ว ยังมีพระแก้วอีกส่วนหนึ่งเป็นพระแก้วประจำจังหวัด แต่องค์พระมีขนาดย่อมหน้าตักไม่เกิน ๔ นิ้ว และพุทธศิลป์ขององค์พระยังไม่งดงามสมบูรณ์นัก
หากพิจารณาพระแก้วที่แกะสลักขึ้นในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น กับยุคสมัยเชียงแสนแล้ว จะเห็นความแตกต่างในเชิงฝีมือช่างอยู่มาก จึงกล่าวได้ว่าพระแก้วที่มีพุทธศิลป์งดงามถึงที่สุด จะเป็นพระแก้วที่สร้างขึ้นในยุคเชียงแสน พุทธลักษณะของพระแก้วบ่งบอกว่าส่วนใหญ่แล้วจะสร้างขึ้นในสมัยเชียงแสนยุคกลางถึงยุคปลาย พุทธลักษณะเป็นเชียงแสนสิงห์สอง และเชียงแสนสิงห์สาม ในส่วนที่เป็นเชียงแสนสิงห์หนึ่งนั้น สันนิษฐานว่าเป็นการแกะพระย้อนยุค จากต้นแบบพระพุทธรูปสิงห์หนึ่ง พระพุทธรูปอีกจำนวนหนึ่งจะมีพุทธลักษณะเป็นพระเชียงแสนทรงเครื่อง ซึ่งเป็นที่นิยมสร้างในสมัยเชียงแสนยุคกลางถึงยุคปลายเช่นกัน
การพิจารณานำพระแก้วเชียงแสน ที่แกะสลักจากผลึกหินใสมาแสดงใน Web Blog นี้ ก็เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เห็นความงดงามของพุทธศิลป์ อันเป็นมรดกล้ำค่าของเมืองไทยให้ปรากฏไว้ และเป็นที่ประทับใจในความงดงามสืบต่อไป
https://royalbuddhasiam.wordpress.com/2013/10/31/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%99-%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AA/