พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ที่ประดิษฐานอยู่ด้านในสุดของตู้ใบนี้ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ คู่บ้านคู่เมืองของอำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่
ประวัติที่ชัดเจนของพระพุทธรูปองค์นี้ไม่ปรากฏ ทราบแต่ว่าได้พบพระพุทธรูปองค์นี้ อยู่ในเมืองแหง(อ.เวียงแหงปัจจุบัน) ตั้งแต่ครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้นำทัพมาพักอยู่ที่นี่เมื่อ พ.ศ.2148 ก่อนที่จะยกทัพข้ามช่องเขาหลักแต่ง โดยมีเป้าหมายเพื่อไปตีเมืองอังวะ หวังเผด็จศึกกับพม่าในขณะนั้นให้ได้โดยเด็ดขาด
ชาวเมืองแหงเรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่าพระเจ้าแสนแส้ แต่อีกชื่อหนึ่งคือ “พระเจ้าออกเหงื่อ”
คนเฒ่าคนแก่ในเวียงแหงเล่าถึงปาฏิหารย์ของพระพุทธรูปองค์นี้ว่า ในอดีต ยามใดที่บ้านเมืองเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง เช่นเกิดสงคราม ข้าวยากหมากแพงฯลฯ ผิวขององค์พระบริเวณพระเศียรจะมีน้ำซึมออกมาคล้ายกับคนที่กำลังเหงื่อตก จนเมื่อเหตุการณ์ร้ายเหล่านั้นสงบลงแล้ว น้ำที่ซึมออกมาก็จะเหือดแห้งไป ทำให้ผู้คนต่างศรัทธา และขนานนามว่าพระเจ้าออกเหงื่อ
ส่วนพระพุทธรูปองค์ที่อยู่ด้านหน้าพระเจ้าออกเหงื่อ คือพระสิงห์สาม เป็นพระพุทธรูปสกุลช่างเชียงแสนที่มีความเก่าแก่เช่นกัน
ก่อนหน้านี้ เปลวรัศมีและพระหัตถ์ซ้ายของพระสิงห์สาม ถูกขโมยตัดไป กรมศิลปากรได้นำช่างมาซ่อมแซม สร้างขึ้นมาใหม่ แต่บริเวณข้อพระหัตถ์ยังมีร่องรอยของการต่อเห็นได้ชัด
ปัจจุบัน พระพุทธรูปทั้งสอง ประดิษฐานอยู่ในอุโบสถวัดเวียงแหง ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ ที่ถูกสร้างขึ้นมาพร้อมๆกับเมืองแหง